ในห้องหรือชั้นเรียนที่ดีควรมีสีสันที่น่าดู
สบายตา อากาศถ่ายเทได้ดี ถูกสุขลักษณะ และจัดโต๊ะเก้าอี้และสิ่งที่ที่อยู่ในชั้นเรียนให้เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอน
และกิจกรรมประเภทต่างๆ เพื่อให้ผู้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสุข มีอิสรเสรีภาพ
และมีวินัยในการดูแลตนเอง
และห้องเรียนที่ดีจะต้องใช้ประโยชน์ชั้นเรียนให้คุ้มค่า
ครูอาจดัดแปลงให้เป็นห้อง ประชุม ห้องฉายภาพยนตร์และอื่น ๆได้ นอกจากนี้จัดเตรียมชั้นเรียนให้มีความพร้อมต่อการสอนในแต่ละครั้ง
เช่น การทำงานกลุ่ม การสาธิตการแสดงบทบาทสมมุติ
และสร้างบรรยากาศให้อบอุ่น ให้ความเป็นกันเองกับผู้เรียนได้อีกด้วย
วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555
กิจกรรมที่ 8
ในความคิดของดิฉันจะต้องมี 3 ด้านคือ ด้านคุณลักษณะ ด้านความรู้ของครู
ด้านการถ่ายทอดความรู้ คือ
ด้านคุณลักษณะ มีความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และพร้อมที่จะพัฒนาวิชาชีพของตนอยู่เสมอ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ผู้เรียน
ทั้งด้านศีลธรรม วัฒนธรรม กิจนิสัย สุขนิสัย และอุปนิสัย
ตลอดจนมีความเป็นประชาธิปไตย ใฝ่รู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ มีความเมตตาแก่ศิษย์ และเห็นคุณค่าของศิษย์ มีสุขภาพสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทางวิชาการ
และสามารถใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ มีบทบาทในการพัฒนาชุมชน
และสามารถเป็นผู้นำชุมชนได้ สามารถใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ภาษา และการวิจัยเพื่อเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเอง สามารถพัฒนาตนเองให้เป็นครูแบบใหม่ในระบบสากลได้
คือ เป็นครูที่เน้นความหลากหลายเพื่อตอบสนองต่อผู้เรียนเป็นหลัก
แนะนำผู้เรียนสามารถพัฒนาเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพและสร้างสรรค์
และให้ข้อมูลสะท้อนกลับผู้เรียนได้อย่างต่อเนื่องรู้วิทยาการด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้น
เพราะการศึกษายุคใหม่เป็นการศึกษาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิคส์มากขึ้น เป็นครูที่ต้องไปหานักเรียนมากขึ้น
เข้าเยี่ยมชุมชนได้มากขึ้น
ด้านความรู้ของครู มีความรู้ในวิชาที่สอนอย่างแท้จริง
สามารถเชื่อมโยงทฤษฎีในศาสตร์ความรู้มาสู่การปฏิบัติได้
ทั้งการปฏิบัติในระดับสากลและในระดับท้องถิ่น มีความรู้ด้านการวิจัย
วิทยาการคอมพิวเตอร์และภาษาเพื่อเป็นเครื่องมือในการ แสวงหาความรู้ มีความรู้ด้านเทคนิคการสอน
จิตวิทยา การวัดและประเมินผล และสามารถประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
รู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัว และเรื่องราวในท้องถิ่น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้
และฝึกให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์วิจารณ์ได้
ด้านการถ่ายทอดความรู้ สามารถประยุกต์ใช้เทคนิคการสอนต่าง
ๆ เพื่อจัดบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจ
และผู้เรียนเกิดความเข้าใจในเนื้อหาวิชาที่เรียน
ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงความรู้นั้นสู่การนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
หรือใช้ในการเรียนรู้ต่อไป สามารถอบรมบ่มนิสัยให้ผู้เรียนมีศีลธรรม
วัฒนธรรม กิจนิสัย สุขนิสัย และอุปนิสัย รวมทั้งรักในความเป็นประชาธิปไตย
เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างปกติสุข สามารถพัฒนาให้ผู้เรียนใฝ่รู้
และก้าวทันเทคโนโลยี ตลอดจนสามารถใช้ภาษา สื่อสารกันได้
เพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเองอยู่เสมอ และสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ
ในการแสวงหาความรู้และเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง สามารถ
พัฒนาให้ผู้เรียนมองกว้าง คิดไกล
และมีวิจารณญาณที่จะวิเคราะห์และเลือกใช้ข่าวสารข้อมูลให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองได้
พัฒนาให้ผู้เรียนเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของชุมชน
สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ เพื่อพัฒนาชุมชน และแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนได้
วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน
บทความเรื่อง
สอนแนะให้รู้จักคิดรูปแบบหนึ่งการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์
1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
การจัดการศึกษาควรมุ่งเน้นความสำคัญทั้งด้านความรู้
ความคิด ความสามารถ และคุณธรรม การจัดกระบวนการเรียนรู้ควรมุ่ง เน้นการฝึกทักษะการคิดของผู้เรียน
และหล่อหลอมให้ผู้เรียนมีความคิดที่สร้างสรรค์ จะเห็นว่าการจัดการศึกษาระดับชาติได้มีแนวทางเด่นชัดที่สนับสนุนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นให้มีการฝึกให้ว่างผู้เรียนเท่านั้นซึ่งการจัดการเรียนรู้ลักษณะนี้
สอดคล้องกับแนวการจัดการเรียนรู้แบบการสอนแนะให้รู้คิด ซึ่งเป็นแนวการจัดการเรียนรู้ที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเชื่อของครูที่เกิดจากการทำ
ความเข้าใจการคิดและการให้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ของนักเรียน
แล้วนำมาพิจารณาใช้ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาความเข้าใจทางคณิตศาสตร์และความสามารถในการคิดของนักเรียนและการสอนแนะให้รู้คิดนำมาซึ่งหลักการของการจัดการเรียนรู้เป็นแบบการสอนแนะให้รู้คิด
(CGI) ดังนี้
1. การจัดการเรียนการสอนควรพัฒนาความเข้าใจของนักเรียนโดยเน้นที่ความสำคัญระหว่างทักษะและการแก้ปัญหาใช้การแก้ปัญหาเป็นศูนย์รวมของการเรียนการสอน
2. การจัดการเรียนการสอนควรจัดสถานการณ์ให้นักเรียนลงมือทำกิจกรรมให้นักเรียนได้สร้างความรู้ด้วยตนเองด้วยความเข้าใจ
3. นักเรียนควรสามารถเชื่อมโยงปัญหา
มโนทัศน์หรือทักษะ กับความรู้เดิมที่มีอยู่
4. เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนแบบนี้อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความคิดของนักเรียน
จึงต้องมีการประเมินอย่างสม่ำเสมอๆ
จากที่กล่าวมาเห็นได้ว่าการสอนแนะให้รู้คิดเป็นแนวการสอนรูปแบบหนึ่งที่สอดคล้องหลักการจัดการศึกษาระดับชาติที่เน้นทักษะการคิดของผู้เรียน
สามารถสอดแทรกทักษะ/กระบวนการต่างๆ เช่น ทักษะการให้เหตุผล ทักษะการเชื่อมโยง
เข้าไปในการจัดการเรียนรู้ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถฝึกการคิดวิเคราะห์คิดสังเคราะห์และสามารถให้เหตุผลประกอบได้
รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงเนื้อหาวิชาเข้ากับชีวิตจริง เห็นถึงความสัมพันธ์ของการเรียนรู้ในชั้นเรียนกับชีวิตจริงและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
จะนำความรู้ในเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ที่จะสอนเป็นอย่างดี
และใช้หลักการแก้ปัญหาเป็นเป้าหมายในการเรียนการสอน เข้าใจความคิดของผู้เรียนในการแก้ปัญหาต่างๆ
การตัดสินของผู้สอนมีฐานคิดจากความรู้ของผู้สอนที่มีความเข้าใจในความคิดของผู้เรียน
นอกจากนี้ยังมีบรรยากาศในชั้นเรียนที่จัดการเรียนรู้เพื่อสอนแนะให้รู้คิด จากนั้นลักษณะของห้องเรียนแบบเดิมที่ผู้เรียนจะมีภาระงานและทำตามที่ผู้สอบอกให้ทำ
จะมุ่งประเด็นไปที่ขั้นตอนการคำนวณเพื่อหาคำตอบจากแต่ละคำถาม ผู้สอนคาดหวังให้ผู้เรียนทุกคนได้กระทำในส่วนที่เหมือนกันเป็นงานประจำ
และมีความรู้คณิตศาสตร์ที่เหมือนกัน ในขณะที่ห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้เพื่อชี้แนะการรู้คิดเป็นที่ซึ่งสร้างความรู้ทางคณิตศาสตร์ที่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ผู้เรียนรู้
และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แก้ปัญหาในแนวทางที่แตกต่างกัน โดยผู้สอนค่อยดูและให้คำปรึกษาแก่ผู้เรียน
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
คือ จะการสอดแทรกการฝึกเน้นการใช้ทักษะการให้เหตุผลและการเชื่อมโยงไปด้วย
เพื่อให้มีความสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และจะออกแบบการเรียนการสอนโดยที่ ครูจะต้องนำเสนอปัญหาหรือสถานการณ์ในชีวิตจริงเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมจากนั้นครูและให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปัญหา
นำวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานการณ์/ปัญหาเพื่อนำมาอภิปรายหาคำตอบ โดยในระหว่างนักเรียนทำกิจกรรมครูจะเป็นผู้อำนวยความสะดวก
และใช้คำถามกระตุ้นให้นักเรียนคิด รวมทั้งให้คำแนะนำเมื่อนักเรียนเกิดข้อคำถามหรือปัญหา
และการนำเสนอคำตอบพร้อมทั้งเหตุผลที่ใช้จากนั้นครูและนักเรียนทั้งชั้นร่วมกันถามให้นักเรียนได้แสดงความคิดหรือเหตุผลที่ใช้เพื่อให้เกิดการแสดงเหตุผลที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุด
นอกจากนี้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อบูรณาการคำตอบแนวคิด และเหตุผลที่ใช้จากการนำเสนอของนักเรียนแต่ละกลุ่มย่อย
โดยครูเป็นผู้ใช้คำถามนำให้เกิดการอภิปราย และสรุปเป็นประเด็นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
บทความเรื่อง
ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของดร.สุเมธ ตันติเวชกุล วารสารทักษิณ
1.ข้อสรุปที่ได้จากบทความ
ความเป็นครูของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เรากล่าวเสมอว่าทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน เพราะตลอดระยะเวลาที่ได้ถวายงานมา 30 ปี นั้นได้ทรงสอนเรื่องแผ่นดินให้รู้จักเข้าใจดินน้ำลมไฟ
สอนให้รู้จักชีวิตสอนให้รู้จักใช้พฤติกรรมในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น และด้วยพระราชกระแสรับสั่งของพระองค์ที่เกี่ยวกับครูพระองค์ท่านเคยรับสั่งบอกว่า “ประเทศชาติจะเจริญหรือเสื่อมลงได้นั้นย่อมขึ้นอยู่กับการศึกษาของประชาชนเป็นสำคัญ”
ทำให้เราเห็นว่าพระองค์ท่านให้ความสำคัญเกี่ยวกับการศึกษาเป็นอย่างมาก ในความเป็นครูของพระองค์ท่านและยังสอนให้เราอยู่เศรษฐกิจพอเพียงได้
คือ ในการปลูกฝังความรู้
ความคิด
และจิตใจของเยาวชน โดยมีหลักวิชาที่ถูกต้องแน่นแฟ้น และแจ่มแจ้ง มีทั้งคุณความดี และเอื้ออารีปรารถนาดีที่จะถ่ายทอด
เผื่อแผ่ให้แก่ผู้อื่นให้มีความรู้ความเข้าใจที่ดี นอกจากนี้สอนให้ผู้เรียนดำรงชีวิตอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียงควบคู่กับการเรียนการสอนไปด้วย
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่ที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
คือ จะเริ่มต้นจากการเสริมสร้างผู้เรียนให้มีการเรียนรู้วิชาการและทักษะต่างๆที่จำเป็น
เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆและอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียงได้
พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณธรรม
จนมีความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม
และอยู่ร่วมกับระบบนิเวศน์วิทยาอย่างสมดุล
เพื่อจะได้มีความเกรงกลัวและละอายต่อการประพฤติผิดมิชอบ ไม่ตระหนี่ เป็นผู้ให้ เกื้อกูล
แบ่งปัน มีสติยั้งคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจ หรือกระทำการใดๆ
จนกระทั่งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำรงชีวิต
โดยสามารถคิดและกระทำบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล พอเหมาะ พอประมาณกับสถานภาพ
บทบาทและหน้าที่ของแต่ละบุคคล ในแต่ละสถานการณ์ แล้วเพียรฝึกปฏิบัติเช่นนี้ จนผู้เรียนสามารถทำตนให้เป็นพึ่งของตนเองได้
และเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ในที่สุด
วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กิจกรรมที่ 7
1. สอนเรื่องอะไร ผู้สอนชือ
ระดับชั้นที่สอน
เรื่อง เหรียญสองหน้า
ตอน1 ผู้สอน
คุณครูโฉมนภา วัชรัมพร
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสายปัญญา
รังสิต
2. เนื้อหาที่ใช้สอนมีอะไรบ้าง
คือเป็นการสอนเกี่ยวกับการบวกลบเลขจำนวนเต็มบวก
และเลขจำนวนเต็มลบ โดยครูใช้สื่อการสอนเป็นเหรียญซึ่งมีสองด้านคือ
ด้านที่เป็นจำนวนเต็มบวก และด้านที่มีจำนวนเต็มลบ เพื่อจะให้ผู้เรียนได้เรียนรู้
ดังต่อไปนี้
1.
นักเรียนเกิดการเข้าใจได้ง่ายเกี่ยวกับการบวกที่มีทั้งเลขจำนวนเต็มบวก
และจำนวนเต็มลบ โดยการใช้เหรียญ เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
2. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการคิดแล้ว
ครูฝึกนักเรียนให้คิดคำนวณตัวเลขหลายข้อเพื่อให้เกิดความชำนาญ
3. ก่อนสอนด้วยสื่อการสอน
ครูทบทวนสิ่งที่ครูสอนเนื้อหาไปแล้ว เป็นการทบทวนความเข้าใจก่อนการใช้เหรียญคิด
3. จัดกิจกรรมการสอนด้าน (สติปัญญา=IQ,
อารมณ์=EQ, คุณธรรมจริยธรรม=MQ)
1.ครูควรสรุป concept
ในการบวกเลขอีกครั้ง นอกจากให้นักเรียนช่วยสรุปแล้ว
เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น
2. ระหว่างนักเรียนปฏิบัติ
ครูควรเดินดูนักเรียน และถ้าไม่เข้าใจ ก็จะเข้าไปอธิบายเป็นรายบุคคล
3. ครูอาจสอนให้นักเรียนทำจากเหรียญก่อนการสอนเนื้อหา
แล้วให้เขาคิดเองว่า ผลการคำนวณจากโจทย์แต่ละแบบได้อย่างไร
ถ้าเห็นรูปแบบคำตอบที่มีลักษณะคล้ายกันหลายครั้งสรุปว่าอย่างไร เช่น จำนวนเต็มลบ
บวกจำนวนเต็มลบ จะได้เลขจำนวนเต็มลบ
ซึ่งวิธีการนี้ฝึกให้นักเรียนค้นคว้าด้วยตนเองก่อน จากนั้นครูจึงสอนเนื้อหา
4. บรรยากาศการจัดห้องเรียน เป็นอย่างไร
1. นั่งเรียนที่โต๊ะโดยนั่งเป็นคู่
2. ครูควรเดินดูตามโต๊ะ
ถ้านักเรียนไม่เข้าใจจะได้อธิบาย
3. เมื่อฝึกการคิดคำนวณจากเหรียญสองด้าน
จนคล่องแล้ว ครูควรให้นักเรียนคำนวณตัวเลขจำนวนเต็มโดยไม่มีเหรียญ
กิจกรรมที่ 5
ประวัติครูที่ชอบ
คุณครูอารี
ทองทิพย์ สอนที่โรงเรียนวัดคันธมาลี
1.ประวัติการศึกษาย่อ ๆ
วุฒิ
|
วิชาเอก
|
วัน/เดือน/ปี
|
ชื่อสถานศึกษา
|
ศษ.บ.
|
ประถมศึกษา
|
27 เมษายน
2530
|
มหาวิทยาสุโขทัยธรรมราช อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
|
ปกศ. สูง
|
ภาษาไทย
|
12 มีนาคม 2524
|
วิทยาลัยครูภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต
|
ม.ศ.5
|
ศิลป์-คณิต
|
3 มีนาคม 2522
|
โรงเรียนจรัสพิชากร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
|
ม.ศ.3
|
-
|
24 มีนาคม 2520
|
โรงเรียนสัตรีมัธยมทวีศิลป์ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
|
ป.7
|
-
|
23 มีนาคม 2517
|
โรงเรียนวัดเทพราช อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช
|
2.ประวัติการทำงาน ย่อ ๆ
· - วันที่ 1 กรกฎาคม
2526 เริ่มรับราชการในตำแหน่ง ครู2
ระดับ 2 โรงเรียนบ้านแสนสุข
อำเภอเดชอุดม
จังหวัดอุบลราชธานี
· - วันที่ 27 เมษายน
2530 ปรับวุฒิ ศษ.บ. ได้ตำแหน่ง อาจารย์
1
· - วันที่ 1 พฤษภาคม 2531
ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งโรงเรียนบ้านบางปรน อำเภอทุ่งใหญ่
· - วันที่ 20 เมษายน
2532 ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่ง อาจารย์
1 โรงเรียนวัดคันธมาลี
· - วันที่ 29 พฤศจิกายน
2537 ได้เลื่อนตำแหน่ง อาจารย์
2
· - วันที่ 1 ตุลาคม 24
ธันวาคม 2547 ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นครูชำนาญการอันดับ ค.ศ.2
· - วันที่ 30 มีนาคม 2553
ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นครูชำนาญการพิเศษ อันดับ
ค.ศ.3
3.ผลงานของครูที่นักเรียนชอบ
จากการนำเทคนิคการสอนแบบเรียนปนเล่น ไปทดลองใช้ในเรื่องการอ่าน
การเขียนและการคิดวิเคราะห์คำสระลดรูปและเปลี่ยนรูปด้วยเกมทางภาษาของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ผลการทดลองใช้ปรากฏว่านักเรียนสามารถอ่าน
เขียนและคิดวิเคราะห์คำสระลดรูปและเปลี่ยนรูปได้คล่องผลเป็นที่พอใจมาก ครูจึงนำเทคนิคนี้และนำเรื่องนี้ไปขอเลื่อนเป็นวิทยาฐานะชำนาญการพิเศษ (ค.ศ.3)
4.นักเรียนประยุกต์สิ่งที่ดีของครูมาใช้ในการพัฒนาตนเอง
เทคนิคในการสอนภาษาไทย จะนำเทคนิค
“แบบเรียนปนเล่น” มาใช้กับการเรียนการสอนจะทำให้นักเรียนมีความสุขสนุกสนานกับการเรียนการสอนมาก ครูผู้สอนเองก็มีความสุขไปด้วย
นอกจากนี้เมื่อจบการเรียนการสอนแต่ครั้งครูและเพื่อนต้องให้ขวัญและกำลังใจ โดยการปรบมือให้กับผู้ทำกิจกรรมได้สำเร็จ ถึงแม้จะไม่รวดเร็วก็ต้องปรบมือให้เป็นขวัญกำลังใจ และที่สำคัญครูเองจะต้องพัฒนาบุคลิกภาพให้ดูดี กระตือรือร้น
เสียงดังฟังชัด กล้าแสดงออกสามารถแสดงท่าทางประกอบที่ตนเอง เล่าเรื่อง
หรือยกตัวอย่างให้สอดคล้องสมจริงสมจังกับสิ่งที่กำลังสอน
วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
กิจกรรมที่ 4
· 1.ทำความเข้าใจอย่างชัดเจนในเหตุผลสำหรับการตัดสินใจ
2. วิเคราะห์ลักษณะของปัญหาที่จะตัดสินใจ
3. ตรวจสอบทางเลือกต่างๆ
ในการแก้ปัญหาโดยพิจารณาถึงผลที่อาจเกิดตามมาด้วย
4. การนำเอาผลการตัดสินใจไปปฏิบัติ
6. ภาวะผู้นำที่เหมาะสม ผู้นำ หรือ
หัวหน้าทีมควรทำหน้าที่เป็นผู้ชี้แนะประเด็นที่สำคัญในการทำงานตามบทบาทของผู้นำ
7. การตรวจสอบทบทวนผลงานและวิธีในการทำงาน
ทีมงานที่ดีไม่เพียงแต่ดูจากลักษณะของทีม และบทบาทที่มีอยู่ในองค์กรเท่านั้น
8. การพัฒนาตนเอง
การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพพยายามที่จะรวบรวมทักษะต่างๆของแต่ละคน การพัฒนาบุคลากรในองค์การมักจะมองในเรื่องทักษะและความรู้ที่แต่ละคนมีอยู่แล้ว
ก็ทำการฝึกอบรมเพื่อปรับปรุงพัฒนาคนให้มีความสามารถสูงขึ้น อันจะมีผลดีในการทำงานให้ดีขึ้น
2. นักศึกษาจะมีวิธีการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพทำอย่างไร ยกตัวอย่างประกอบ
·
การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
1. วัตถุประสงค์ที่ชัดเจนและเป้าหมายที่เห็นพ้องต้องกัน เพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติงานที่ต้องการทำให้องค์การบรรลุผลสำเร็จที่คาดหวังไว้ในการดำเนินงานให้เป็นไปตามภารกิจขององค์การ
- การกำหนดวัตถุประสงค์ที่ดี โดยให้ผู้นำและสมาชิกภายในทีม
มีส่วนร่วมในการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบและวัตถุประสงค์ร่วมกัน
ควรกำหนดจุดมุ่งหมายไว้ให้ชัดเจนที่ผลงานมากกว่าการกระทำ
- ประโยชน์ของการกำหนดวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
ใช้เป็นเครื่องมือในการรวมพลังในการทำงาน
และใช้เป็นเครื่องมือวัดความสำเร็จหรือความล้มเหลวในงาน
- คุณลักษณะของวัตถุประสงค์ที่ดี คือ เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร เข้าใจได้ง่ายสามารถปฏิบัติได้จริง
ไม่ขัดต่อข้อบังคับและนโยบายอื่นๆในหน่วยงาน
2. ความเปิดเผยต่อกันและการเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหา เป็นสิ่งสำคัญต่อการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
สมาชิกในทีมจะต้องการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา
แก้ปัญหาอย่างเต็มใจและจริงใจ การแสดงความเปิดเผยของสมาชิกในทีมจะต้องปลอดภัย
พูดคุยถึงปัญหาอย่างสบายใจ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี
โดยมีการเรียนรู้เกี่ยวกับบุคคลอื่นในด้านความต้องการ ความคาดหวังความชอบหรือไม่ชอบ
ความรู้ความสามารถ ความสนใจ ความถนัด จุดเด่นจุดด้อยและอารมณ์ รวมทั้งความรู้สึก ความสนใจนิสัยใจคอ
3. การสนับสนุนและความไว้วางใจต่อกัน สมาชิกในทีมจะต้องไว้วางใจซึ่งกันและกันโดยทีละคนมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา
โดยไม่ต้องกลัวว่าได้รับผลร้ายที่จะมีต่อเนื่องมาภายหลัง
สามารถทำให้เกิดการเปิดเผยต่อกัน และกล้าที่จะเผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี
4. ความร่วมมือและการให้ความขัดแย้งในทางสร้างสรรค์ ผู้นำกลุ่มหรือทีมจะต้องทำงานอย่างหนักในอันที่จะทำให้เกิดความร่วมมือดังนี้
4.1 การสร้างความร่วมมือกับบุคคลอื่น ในการสร้างความร่วมมือเพื่อความเข้าใจซึ่งกันและกันและมีบุคคลอยู่สองฝ่ายคือ
ผู้ขอความร่วมมือ และผู้ให้ความร่วมมือ ความร่วมมือจะเกิดขึ้นได้เมื่อฝ่ายผู้ให้เต็มใจและยินดีจะให้ความร่วมมือเหตุผลที่ทำให้ขาดความร่วมมือไม่ช่วยเหลือกัน
คือ การขัดผลประโยชน์ ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีกว่า สัมพันธภาพไม่ดี
วัตถุประสงค์ของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน ไม่เห็นด้วยกับวิธีทำงานขาดความพร้อมที่จะร่วมมือ
หรืองานที่ขอความร่วมมือนั้น เลี่ยงภัยมากเกินไป หรือเพราะความไม่รับผิดชอบต่อผลงานส่วนรวม
4.2 การขัดแย้ง หมายถึง ความไม่ลงรอยกันตามความคิด
หรือ การกระทำที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนขึ้นไป หรือระหว่างกลุ่ม
โดยมีลักษณะที่ไม่สอดคล้อง ขัดแย้ง ขัดขวาง ไม่ถูกกันจึงทำให้ความคิดหรือการทำกิจกรรมร่วมกันนั้น
เสียหาย หรือดำเนินไปได้ยากไม่ราบรื่น ทำให้การทำงานเป็นทีมลดลง นับเป็นปัญหา
อุปสรรคที่สำคัญยิ่ง
- สาเหตุของความขัดแย้ง ผลประโยชน์ขัดกัน
- ความคิดไม่ตรงกัน หรือ องค์กรขัดแย้งกัน
- ความรู้ความสามารถต่างกัน ทำให้มีลักษณะการทำงานต่างกัน
- การเรียนรู้ต่างกัน ประสบการณ์ที่มีมาไม่เหมือนกัน
- เป้าหมายต่างกัน
4.3 วิธีแก้ความขัดแย้ง การแก้ความขัดแย้งเป็นเรื่องของทักษะเฉพาะบุคคล
การแก้ปัญหาความขัดแย้งในการทำงานเป็นทีม ควรใช้วิธีการแก้ปัญหาร่วมกัน
ไม่พูดในลักษณะที่แปลความหรือมุ่งตัดสินความ ไม่พูดในเชิงวิเคราะห์
ไม่พูดในลักษณะที่แสดงตนเหนือกว่าผู้อื่น หรือไม่พูดในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด
เสียหน้า อับอาย เจ็บใจ หรือการพยายามพูดหาประเด็นของความขัดแย้ง
ไม่กล่าวโจมตีว่าใครผิดใครถูก
5. กระบวนการการทำงาน
และการตัดสินใจที่ถูกต้องและเหมาะสม งานที่มีประสิทธิภาพนั้นทุกคนควรจะคิดถึงงานหรือคิดถึงผลงานเป็นอันดับแรก
ต่อมาควรวางแผนว่าทำอย่างไร งานจึงจะออกมาดีได้ดังที่เราต้องการ
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะตัดสินใจนั้นจุดมุ่งหมายควรจะมีความชัดเจนและสมาชิกทุกคน
ควรมีความเข้าใจในจุดมุ่งหมายของการทำงานเป็นอย่างดี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)